วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

มารู้จักประเภทของ “ทุนเรียนต่อต่างประเทศ” กัน

เพราะเรื่องของค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องสำคัญต่อการตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ “ทุนการศึกษา” เป็นอีกหนทางหนึ่งของนักเรียนต่างชาติ วันนี้จะมาเล่าเรื่องทุนเรียนต่อต่างประเทศให้ฟัง ว่ามีกี่ประเภท น้อง ๆที่อยากขอทุนแต่ไม่เคยขอมาก่อน หรือ ไม่แน่ใจว่า อย่างฉันนี่จะสมัครทุนกับเขาได้ไหม วันนี้จะมาแจงให้ฟังรวมถึงแนะนำ เคล็ดลับค้นหาทุน ข้อควรรู้ เมื่อรู้แล้วจะได้ดูทุนเป็นและเพิ่มโอกาสในการไปเรียนต่ออย่างสบายกระเป๋าด้วยจ้า



ประเภทของทุนการศึกษา
ไม่ใช่ว่าทุนการศึกษาที่แต่ละประเทศมอบให้นั้น จะเหมือนกันเสมอไปนะคะ ทุนแต่ละอันมีกฎเกณฑ์มากมาย อาจมีความแตกต่างในเรื่องของรายละเอียด สัญญาผูกมัด รวมถึงเงินสนับสนุน

1.      ทุนแบบเต็มจำนวน


ทุนประเภทนี้ เป็นทุนการศึกษาที่เราชอบมากที่สุด เหตุผลนั้นแสนหวาน เพราะทุนครอบคลุมทั้งค่าใช้จ่าย ค่าเล่าเรียน ค่ากินอยู่ ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายในการเดินทางต่าง ๆ เรียกว่าออกให้หมด ภายในงบประมาณที่ทางเจ้าของทุนกำหนด ทุนในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเป็นอันนี้

ตัวอย่างทุน
Australian Development Scholarships (ADS) ที่มอบทุนการศึกษาจำนวนหลายทุนให้แก่นักศึกษาต่างชาติ ทั้งระดับปริญญาตรี โท เอก โดยทุนนั้นครอบคลุมทั้งค่าเล่าเรียนเต็มจำนวน ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ รวมค่าที่พัก ค่าครองชีพ และค่าประกันสุขภาพ เป็นต้น


2.      ทุนแบบให้บางส่วน


เรียกอีกอย่างว่าทุนแบบไม่เต็มจำนวนนั่นเอง เป็นทุนที่เราจะต้องออกเงินในบางส่วนเองด้วย เช่น เจ้าของทุนจะจ่ายค่าเล่าเรียนให้เพียงแค่บางส่วน ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เราต้องออกเอง เช่น ค่าที่พัก ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เป็นต้น เปรียบเหมือนไปเดทแล้ว ช่วยออกแต่ไม่ทั้งหมด (ก็ยังดีกว่าไม่ได้ช่วยออกเลย)
ซึ่งทุนของมหาวิทยาลัยในต่างประเทศต่างๆ มักจะเป็นทุนในลักษณะเช่นนี้

ตัวอย่างทุน
            Business School MBA Scholarship (ของ Essex Business School) ประเทศอังกฤษ ที่จะให้เงินทุนจำนวน 1,000 ปอนด์ แก่นักต่างชาติที่ต้องการจะมาศึกษา MBA ในสถาบัน   โดยจำนวนเงินนี้ผู้ได้ทุนจะนำไปหักออกจากค่าเล่าเรียนทั้งหมด หรืออีกความหมายคือ ได้ส่วนลด 1,000 ปอนด์นั่นเอง


3.      ทุนแบบที่มีภาระผูกพัน



โดยทุนแบบที่มีภาระผูกพันนั้น ก็คือ ทุนที่มีการกำหนดเงื่อนไขบางประการเอาไว้ เช่น จะต้องกลับมาทำงานในองค์กรของผู้ที่ให้เงินทุน หรือ ในระหว่างการศึกษานั้นจะต้องเรียนให้ได้ผลเรียนตามที่เจ้าของทุนกำหนดไว้ ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้รับทุนต่อ พูดง่ายๆ “เธอสัญญาแล้วนะว่าจะกลับมา” “สัญญานะว่าจะเป็นเด็กดี”
            ทุนลักษณะนี้มักเป็นทุนการศึกษาแบบที่เด็กไทยอย่างเรารู้จักกันเสียเป็นส่วนใหญ่ เช่น ทุน KING หรือทุนเล่าเรียนหลวง ที่มอบให้กับผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อไปศึกษาต่อในต่างประเทศโดยไม่จำกัดสาขาวิชาเรียน และประเทศที่ไปเรียน แต่มีภาระผูกพัน คือ จะต้องกลับมาทำงานในประเทศไทยเป็นระยะเวลาเท่ากับจำนวนปีที่ใช้ในการศึกษา ไม่จำเป็นต้องเข้าทำงานในหน่วยงานทางราชการ) เป็นต้น

4.      ทุนแบบไม่มีภาระผูกพัน
เป็นทุนการศึกษาแบบทุนให้เปล่า หมายถึง มอบทุนให้ฟรี ๆ โดยที่ผู้สมัครไม่มีภาระทำอะไรคืนให้องค์กรเจ้าของเงินทุน หรือไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ให้ต้องปฏิบัติตาม

5.      ทุนประเภทอื่น ๆ
มีทุนการศึกษาบางประเภทที่มีลักษณะนอกเหนือไปจากทุนแบบอื่น ซึ่งที่พบได้บ่อยๆคือ ทุนแบบที่นักเรียนจะขอได้ ก็ต่อเมื่อสามารถสมัครและเข้าไปเรียนหรือเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัย หรือ ภาควิชานั้น ๆ แล้ว ซึ่งหมายความว่า ถ้าหลังจากที่เรายื่นขอทุนไปแล้ว แล้วเราไม่ได้ สิ่งที่เราต้องทำ คือ จ่ายค่าเล่าเรียนเองทั้งหมด หรือไม่ก็ต้องกลับบ้าน


เคล็ดลับการหาทุน
            ด้วยความที่ทุนการศึกษามันมีมากมายซะเหลือเกิน จะทำยังไงถึงจะได้ทุนกับเค้าบ้าง วันนี้ จะมาแชร์เคล็ดลับดี ๆ สำหรับใช้ในการวางแผนการหาทุนกันค่ะ
           
1. สังเกตประเภทของทุน
น้องๆต้องดูก่อนเลยว่าทุนนั้นๆเป็นทุนที่แจกเฉพาะนักเรียนต่างชาติ (International students) หรือ แจกรวม ๆ เพื่อน้อง ๆ จะได้รู้ว่าจะต้องไปแข่งขันกับใคร รวมถึงโอกาสในการได้มากน้อยแค่ไหน

2. อ่านขั้นตอนการสมัครให้เข้าใจ
ควรอ่านขั้นตอนวิธีการในการสมัครให้เข้าใจจริง ๆ และถ้าไม่เข้าใจ ให้ส่งอีเมล์ไปยังสถาบันการศึกษานั้น ๆ เพื่อถามโดยตรง เพราะบางครั้ง ถ้าถามจากเพื่อน หรือ คนที่เคยขอทุนอาจได้ข้อมูลที่ผิดหรือไม่ทันสมัยพอ ต้องเช็คเพื่อนความชัวร์

3. ทำ Leadtime
คือการทำ plan คร่าว ๆ ว่าเราจะต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างสำหรับการยื่นทุนนั้น ๆ และเอกสารเหล่านั้นจะได้ครบเมื่อไหร่ รวมถึงต้องสมัครภายในวันไหน โดยควรจะต้องยื่นก่อน deadline ประมาณ 1 เดือน หรือถ้าเร็วกว่านั้นได้ก็ยิ่งดี เพราะเผื่อมีอะไรผิดพลาด จะได้สามารถส่งเอกสารไปใหม่ได้
วิธีการนี้จะเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับทุนการศึกษาที่มีข้อกำหนดให้มีการสมัครด้วยการ “ส่งไปรษณีย์” อย่างเดียวเท่านั้น เพราะมันจะทำให้น้อง ๆ วางแผนได้ถูกและเผื่อเวลาในการจัดส่งเอกสารด้วย
โดยช่วงเวลาของทุนนั้น ส่วนใหญ่จะปล่อยออกมาช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน และมักจะทยอยออกมาเรื่อย ๆ ส่วนเดือนสิงหาคมถึงกันยายน มักจะเป็นช่วง deadline ของทุน เพราะมหาวิทยาลัยเริ่มเปิดเทอม   

แต่ทั้งนี้ เรื่องของวันเวลาในการรับสมัครของแต่ละทุนนั้น อาจะไม่เป็นไปตามนี้เสมอไป เพราะทุนบางของบางองค์กรหรือบางสถาบันมีการบริหารจัดการเป็นของตัวเอง ก็จะทำให้ช่วงเวลาในการรับสมัครแตกต่างไปจากนี้ค่ะ

4.ทำ check list เพื่อตรวจสอบเอกสารให้พร้อม


เอกสารที่ต้องเตรียมในการขอทุน ซึ่งโดยมากต้องใช้แน่ๆ คือ
  • ใบรับรองผลการศึกษา
  • ผลการวัดระดับความสามารถทางภาษา TOEFL, IELTS, TOEIC, GRE หรือ ความสามารถเฉพาะทางต่าง ๆ แล้วแต่ทุนกำหนด 
  • Letter of recommendation 

คือ จดหมายรับรองหรือแนะนำตัว อาจจะเป็นจดหมายแนะนำตัวจากมหาวิทยาลัย หรือรับรองจากหน่วยงานที่เคยทำงาน เป็นต้น แนะนำว่าควรมี
1) จดหมายเพื่อความน่าเชื่อถือ เช่น คณบดีของสาขาที่เราจบมา เนื่องจากเราใช้เอกสารในการพูดแทนตัวเรา นอกจากผลการเรียนแล้ว จดหมายจากบุคคลที่มีตำแหน่งสูงจะเป็นสิ่งที่รับรองว่าเราเป็นใครมาจากไหน
2) จดหมายเพื่อพูดถึงเราในแง่ความสามารถและความดีของเรา โดยคนที่เขียนควรมีความใกล้ชิดกับเราพอสมควร เพื่อให้เราสามารถพูดถึงข้อดี ประสบการณ์ หรือผลงานของเราออกมาได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังสามารถพูดถึงคุณลักษณะนิสัยส่วนตัวของเราได้อีกด้วย โดยมากมักจะให้อาจารย์ที่ปรึกษาเป็นผู้เขียนให้
  • Statement of Purpose 

คือ เรียงความหรือบทความที่บอกให้มหาวิทยาลัยหรือเจ้าของทุนเข้าใจว่าทำไมเราจึงสมควรได้ทุนนี้ ทำให้มหาวิทยาลัยหรือคณะกรรมการได้รู้จักเรามากขึ้น เอกสารนี้จึงถือว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก เอกสารที่เราใช้ส่วนใหญ่จะเป็นผลงานในอดีตที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่น ประวัติการศึกษา หรือ จดหมายรับรองซึ่งเราก็ไม่สามารถควบคุมเนื้อหาได้ ดังนั้น Statement of Purpose จึงเป็นเพียงเอกสารเดียวที่เปิดโอกาสให้เราได้พูดกับคณะกรรมการ

ความมุ่งมั่นหรือความตั้งใจของเราจะเป็นสิ่งที่ทำให้ใบสมัครของเราโดดเด่นออกมา เช่น เรามีฝันที่ยิ่งใหญ่ในสาขาหรือในสายอาชีพนั้น ๆ หรือ เรามีแนวคิดในการพัฒนางานในสาขานั้น ๆ ตัวอย่างที่น่าสนใจในอดีตที่เคยมีมาก็คือ มีนักศึกษาจากประเทศตะวันออกกลางคนหนึ่งที่ผลการเรียนไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่เธอกลับได้รับทุนจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เนื่องจากเธอเขียนเรียงความว่า “เธอฝันที่จะเป็นนักการเมืองและต้องการใช้ความรู้ด้านกฎหมายและการปกครอง ไปเปลี่ยนความไม่เป็นธรรมต่อผู้หญิงในสังคมตะวันออกกลาง” เป็นต้น

5. อย่าสมัครแค่ทุนเดียว 
เช่นเดียวกับการสมัครเรียนมหาวิทยาลัย ที่เราควรจะสมัครขอไว้เผื่อประมาณ 2-3 ทุน ในสาขาที่ใกล้เคียงกัน เพราะเนื่องจากการเตรียมเอกสารจะได้ทำเพียงแค่รอบเดียว แต่ยื่นได้หลายแห่ง

6.จงมุ่งมั่น
สุดท้ายคือ น้อง ๆ ต้องมีจิตใจที่มุ่งมั่น และต้องการที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างแท้จริง การไม่ได้ทุนในการขอครั้งแรกไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดพลาด อย่าเพิ่งท้อ และพยายามต่อไปค่ะ


วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2559

Strategies for the New SAT

March 2016 (credit: abcnews.com, inc.com) 



Things to know about the new SAT exam (Revised SAT or rSAT) 

SOME EARLY REVIEWS 

Brian Keyes, a junior at Woodrow Wilson High School in the nation's capital, says he really didn't mind the new SAT. 
"There aren't as many questions where it's trying to trick you ... It was much more straightforward," he said 

For math, he said, "the new version was a lot more like basic concepts, so it wouldn't be very obscure formulas that you have to remember. If you had the basics of algebra down, even if the problem was difficult, you could work your way through it." 

Said classmate Isabel Suarez: "I liked it better than the old one. I thought that it was way more applicable to what we've been learning in school. The English was a lot easier for me than it was with the old one." 

Isabel, a junior, said the math was a little harder. "It was more algebra based, but I think I was able to perform a lot better on it than the old one because it was stuff that I actually learned in school." 

In fact, Suarez, who likes to write, said she enjoyed the reading section. "My AP English class definitely really prepared me for it. I honestly enjoyed the grammar part because I like to pick out problems in writing. It was pretty fun actually." 

The exam was administered Wednesday, 2 March 2016, at Wilson and other District of Columbia high schools and at schools in more than a dozen states as part of SAT School Day. 


THE NEW STUFF 

The new SAT continues to test reading, writing and math, with an emphasis on analysis. Gone: some of those obscure vocabulary words like "lachrymose" that left kids memorizing flash cards for endless hours. Test-takers will instead see more widely known words used in the classroom. Students will have to demonstrate their ability to determine meaning in different contexts.

Go ahead, take a guess. Test-takers no longer will be penalized for wrong answers

In math, students will see more algebra and problem solving, instead of testing a wide range of math concepts. But use of calculators is limited to certain questions

Overall, there are fewer questions — 154 on the new test plus one for the essay, compared to 171 on the old version. 

Students will have a choice about whether to write the essay. 

A perfect score goes back to 1,600 with a separate score for the essay.



1. SAT General Strategy 

Follow the 1,000 question rule. To excel, practice with 1,000 SAT questions. You should also review those 1,000 SAT questions because just as as the practice itself is understanding why you got certain questions wrong and what you can do the next time to make sure you don't get similar problems wrong.

The College Board only has a limited number of concepts and question types it can ask on the SAT. If you practice and review 1,000 questions, you will be sufficiently prepared for test day. 

2. SAT Math Strategy 

Remember SAT: Substitute Abstracts (with) Tangibles. To avoid doing algebra on the SAT, create your own numbers (tangibles) to plug in for variables (abstracts). 

This strategy is applicable to algebra, geometry, proportions, etc. Our minds prefer working with tangibles (numbers) over abstracts (variables). The number 2 is often a simple and easy number to plug in. 

3. SAT Reading Strategy 

Watch out for extreme language. Extreme answer choices are typically incorrect on the SAT Reading test because test question writers must be able to defend why correct answers are in fact correct. Answer choices with milder language are easier to defend than answer choices with extreme language. Here are some examples of extreme language: 

  • all 
  • always 
  • completely 
  • entirely 
  • every 
  • everyday 
  • everyone 
  • everything 
  • never 
  • none 
  • only 
  • throughout history
  • throughout the ages 
  • totally 
  • unique 

Answer choices that include the words and phrases above are generally - not always, but generally - incorrect. 

4. SAT Writing Strategy 

Watch out for "99% wrong words and phrases." There are certain words and phrases that are almost always (99% of the time) incorrect on the SAT grammar section, including: 

  • being 
  • for the reason 
  • is because 
  • is the reason why 
  • is why 

The above are typically incorrect because they create passive voice or redundancy issues. 


5. SAT Essay Strategy 

Although the essay section is technically optional, many competitive colleges will require students to submit their new SAT score with the essay. The New SAT requires students to write an analysis essay based on an argumentative passage that they read. 

To have a competitive advantage over other students on the SAT Essay, use the acronym CREW SAID to recall eight common argumentative tools that authors use to support their arguments. By analyzing the SAT Essay passage using CREW SAID, you take a lot of the guesswork out of determining how to build your argument on test day. 

C - Contrast: when an author highlights differences between two items 
R - Repercussions: when an author points out the far-reaching consequences of his/her argument 
E - Emotion: when an author attempts to make an emotional appeal to the reader 
W - Word Choice: when an author purposefully uses certain language in order to build his or her argument 
S - Similarity: when an author highlights similarities between two items 
A - Authority: when an author cites an expert or influencer to add clout to his or argument 
I - Imagery: when an author paints a picture using words 
D - Data: when an author uses statistics or numerical evidence 


CONTACT OUR SAT PREP EXPERTS: 081.8212686 infohere.ace@gmail.com   

วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2559

สอบ TOEFL สนามจำลอง mini-TOEFL Test เชียงใหม่

รอบสอบ mini-TOEFL 

ประจำเดือนมีนาคม และ เมษายน 2559 




วันพุธที่ 2 มี.ค. เวลา 13.00 - 14.00 น.

วันศุกร์ที่ 7 มี.ค. เวลา 17.00 - 18.00 น.

วันพุธที่ 9 มี.ค. เวลา 13.00 - 14.00 น.

วันศุกร์ที่ 11 มี.ค. เวลา 17.00 - 18.00 น.

วันศุกร์ที่ 18 มี.ค. เวลา 17.00 - 18.00 น.

วันเสาร์ที่ 19 มี.ค. เวลา 13.00 - 14.00 น.

วันพุธที่ 30 มี.ค. เวลา 13.00 - 14.00 น.


วันเสาร์ที่ 2 เม.ย. เวลา 13.00 - 14.00 น.

วันศุกร์ที่ 8 เม.ย. เวลา 17.00 - 18.00 น.

วันเสาร์ที่ 9 เม.ย. เวลา 13.00 - 14.00 น.

วันพุธที่ 20 เม.ย. เวลา 13.00 - 14.00 น.

วันศุกร์ที่ 22 เม.ย. เวลา 17.00 - 18.00 น.



ค่าสอบ ท่านละ 100 บาท
  • สามารถชำระค่าสอบได้ 20 นาทีก่อนขึ้นห้องสอบ
  • จัดสอบตามวันและเวลาที่กำหนด
  • ความยากเท่ากับสอบ TOEFL สนามจริง
  • สามารถแปลงคะแนนได้ ว่าหากไปสอบ TOEFL, IELTS, TOEIC สนามจริง จะได้กี่คะแนน
  • สามารถสอบเพื่อวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษ หรือ สอบเพื่อลงทะเบียนเรียนกับ Ace!
  • สอบเสร็จแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่โทรแจ้งคะแนนภายใน 2 วัน
  • จัดสอบที่อาคาร Ace! @ Nimman soi 9 



ลงทะเบียนสอบล่วงหน้าได้ที่ http://bit.ly/1PRRfRR

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

งานศึกษาต่ออเมริกา 2559 สนับสนุนโดยสถานทูตสหรัฐฯ



ขอเชิญร่วมงาน EducationUSA Fairs 2016

วันพฤหัสที่ 11 กุมภาพันธ์ 2559 (เชียงใหม่)
เวลา 17:00-19:30 น. 
โรงแรม Le Meridien Chiang Mai 


วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2559 (กรุงเทพฯ)
เวลา 12:00-16:00 น. 
โรงแรม InterContinental Bangkok (สถานีรถไฟฟ้าชิดลม) 

ลงทะเบียนล่วงหน้าที่ http://educationusathailand.eventbrite.com/

พบกับตัวแทนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำจากสหรัฐฯ กว่า 40 สถาบัน
•   รับฟังข้อมูลทุนการศึกษาทั้งระดับ ป.ตรี ป.โท และ ป.เอก ของ ก.พ.  และฟุลไบร์ท (Fulbright) จากผู้แทนของหน่วยงาน รวมถึงเคล็ด (ไม่) ลับในการขอทุนจาก EducationUSA
•   ข้อมูลการสมัครวีซ่านักเรียนจากเจ้าหน้าที่กงสุลสหรัฐฯ
•   เทคนิคการเตรียมใบสมัคร 
•   ลุ้นรับตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ - สหรัฐอเมริกา และรางวัลอื่นๆอีกมากมายได้ฟรี !

ตารางงาน: http://goo.gl/bCxXpD
หมายเหตุ ผู้ที่ลงทะเบียนล่วงหน้า ต้องโชว์บัตรก่อนเข้างานที่โต๊ะลงทะเบียน
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 
Email: educationusathailand@gmail.com
Facebook: www.facebook.com/EducationUSAThailand


วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558

TOEFL เชียงใหม่ : ทุนการศึกษาจาก University of Wisconsin-Eau Claire



University of Wisconsin-Eau Claire มอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาต่างชาติตั้งแต่ปริญญาตรี-เอก มูลค่าระหว่าง $2,000-$6,000 ต่อปี และสามารถต่ออายุทุนสูงสุดถึง 9 เทอม สนใจลองเข้าไปอ่านรายละเอียดกันได้เลยค่ะ
Scholarships for the University of Wisconsin-Eau Claire are available for International Students. They range from $2,000-$6,000 per year, and can be renewed up to 9 semesters. https://goo.gl/mqyI9V


สำหรับน้องๆที่สนใจสอบถามเรื่องทุนการศึกษาเพิ่มเติมจาก TOEFL เชียงใหม่ สามารถติดต่อกับเราได้ที่ 081-8212686 ทุกวันค่ะ

หรือ ติดต่อเราผ่าน 
Facebook: TOEFL เชียงใหม่ 
Line: acecnx
Email: infohere.ace@gmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558

SAT 2016 กับการเปลี่ยนแปลงระบบใหม่



SAT แบบใหม่จะเริ่มใช้เมื่อไร?
          
นักเรียนที่ลงสอบ PSAT เดือนตุลาคม 2015 จะเป็นรุ่นแรกที่จะได้เห็น SAT ในรูปแบบใหม่ และ SAT แบบใหม่จะเริ่มถูกใช้อย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม 2016 โดยเริ่มจากประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศอื่นๆนอกประเทศสหรัฐอเมริกาจะเริ่มใช้ SAT แบบใหม่เดือนพฤษภาคม 2016 (ไม่มีการจัดสอบ SAT รอบเดือนมีนาคมสำหรับศูนย์สอบนอกประเทศสหรัฐอเมริกา) 

มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะยังคงรับคะแนน SAT ทั้งแบบเก่าและแบบใหม่สำหรับนักเรียนที่จะจบการศึกษาปี 2017


การคิดคะแนน SAT แบบใหม่
ระบบใหม่มีการเปลี่ยนแปลง 3 อย่าง คือ
  • มี 4 ตัวเลือกแทน 5 ตัวเลือก
  • ไม่หักคะแนนหากตอบผิด
  • คะแนนรวมสูงสุด คือ 1600 คะแนน ไม่ใช่ 2400 คะแนนอีกต่อไป

ปัจจุบันข้อสอบ SAT แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ Critical Reading , Math และ Writing โดยคะแนนเต็มแต่ละส่วนคือ 800 คะแนน คะแนนรวมสูงสุดคือ 2400 คะแนน แต่สำหรับ SAT แบบใหม่ ส่วนของ Reading และ  Writing (แบบมีตัวเลือกตอบ) จะถูกรวมเป็นส่วนเดียวกัน เรียกว่า “Evidence-Based Reading and Writing” โดยมีคะแนนเต็ม 800 คะแนน ส่วน Math จะยังคงมีคะแนนเต็ม 800 คะแนนเหมือนเดิม การคิดคะแนน SAT แบบใหม่สรุปดังนี้






การเปลี่ยนแปลงในส่วน  Essay

       นักเรียนสามารถเลือกที่จะไม่ทำในส่วนของ Essay ได้จริงหรือ? คำตอบ คือ ไม่แน่นอนเสมอไป
คะแนนในส่วนของ Essay จะไม่ถูกรวมอยู่ในส่วนของ Writing อีกต่อไป คะแนน Essay จะถูกแยกออกมาโดยคะแนนเต็ม คือ 8 คะแนน ถึงแม้ว่านักเรียนจะสามารถเลือกที่จะไม่ทำ Essay ได้ แต่บางมหาวิทยาลัย เช่น University of California ได้ประกาศออกมาแล้วว่าทางมหาวิทยาลัยต้องการคะแนน SAT ในส่วนของ Essay ด้วยหากคุณต้องการสมัครเข้าเรียนที่นี่ มหาวิทยาลัยอื่นๆก็มีแนวโน้มที่ต้องการคะแนน Essay เช่นเดียวกัน SAT แบบใหม่ในส่วนของ Essay จะมีบทความให้นักเรียนอ่านเพื่อทำความเข้าใจ วิเคราะห์ และเขียนตอบคำถามเกี่ยวกับบทความนั้นๆ ซึ่งจะแตกต่างจาก Essay ของเก่าที่ไม่มีบทความให้อ่าน แต่จะมีเพียงคำถามให้เขียนตอบ

มุ่งมั่นเพื่อพัฒนาทักษะและความรู้อย่างแท้จริงในระยะยาว
      SAT แบบใหม่โดยเฉพาะในส่วนของ Reading และ Writing จะเปลี่ยนวิธีการเตรียมตัวสอบ SAT ของคุณ การทดสอบคำศัพท์ยากๆจะไม่มีอีกต่อไปในส่วนของ Reading แต่จะเปลี่ยนเป็นการทดสอบความเข้าใจความหมายของคำศัพท์ที่ถูกใช้ในบริบทแทน หมายความว่า การท่องจำจะไม่มีประโยชน์อีกต่อไป คุณต้องเข้าใจอย่างแท้จริงว่าผู้เขียนต้องการที่จะสื่ออะไรออกมา โดยภาพรวมแล้วเนื้อหาบทความจะเกี่ยวกับเรื่องสำคัญๆของโลก เช่น สุนทรพจน์ Gettysburg Address และ Martin Luther King’s ‘I Have a Dream’ ซึ่งเป็นการทดสอบความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องสำคัญๆที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก เช่น การปกครองระบอบประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล และสิทธิมนุษยชน

       หากคุณวางแผนที่ใช้ระยะเวลาสั้นๆในการเตรียมตัวสอบ หรือหาทางลัดที่จะช่วยคุณในการประสบความสำเร็จใน SAT แบบใหม่แล้วละก็ เราบอกได้เลยว่าคุณคิดผิด ความรู้ความสามารถในการอ่านบทความ การทำความเข้าใจ การวิเคราะห์ และการสื่อสารออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และฝึกฝน อย่างไรก็ดี สิ่งเหล่านี้ถือเป็นข้อดี เพราะความรู้ในการพิชิต SAT รูปแบบใหม่ ก็คือความรู้แบบเดียวกันกับสิ่งที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในโรงเรียนและการใช้ชีวิตจริง ความสำเร็จจะอยู่ตรงหน้า หากคุณทุ่มเทให้กับการพัฒนาสติปัญญาอย่างแท้จริง


น้องๆที่สนใจคลาสเรียน SAT ทาง SAT เชียงใหม่ สามารถจัดคลาสเรียน ทั้งแบบ เดี่ยว และ แบบกลุ่มให้น้องๆได้นะคะ
คลาสเรียนสอนโดยอาจารย์ผู้มีประสบการณ์และนักเรียนที่เรียนด้วยก็สามารถสอบได้คะแนนเต็มด้วยค่ะ
สนใจคอร์สเรียน ติดต่อกับพี่ๆ TeamAce! ได้ที่ 081-8212686 หรือ 053-895699 ได้ทุกวันจันทร์ - อาทิตย์นะคะ


วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เตรียมสอบ SAT ยังไงให้ประสบความสำเร็จ

มาว่ากันถึงความสำคัญของ SAT สักนิด คิดว่าทุกคนก็คงรู้แล้วว่า ไม่ว่าเราจะสมัครอินเตอร์ที่ไทย 
หรือสมัครมหาลัยในเมกา
SAT นี่แหละคือหัวใจสำคัญ
(แถมถ้าใครอยากได้ Scholarship ขอบอกว่า SAT นี่แหละ สำคัญมากกก)

ฉะนั้นมาเริ่มกันดีกว่า ส่วนแรกคือ Critical reading
ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ คำศัพท์(เติมคำ) และ Text

ส่วนของคำศัพท์ สิ่งที่อยากแนะนำคือ ให้ท่องศัพท์
ถ้ามีเวลาก็ท่องพวก 3400-3500 คำ และอีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การทำโจทย์ให้เป็น
เพราะบางทีแปลศัพท์ออกแต่เติมผิดก็มี…..

อีกส่วนคือ Reading คาดว่าเป็นส่วนที่หลายคนกลัวมากๆๆ ไม่ต้องกลัวหรอก มันไม่ยากมาก

1. เราต้องอ่านให้เร็วที่สุด
เพราะส่วนมากเราจะทำไม่ทันกัน
วิธีก็คืออ่านมากๆ ถึงมากที่สุด (อ่านหนังสือภาษาอังกฤษนะ)
วิธีการอ่านเร็วก็คือ เราต้องเตือนตัวเองว่า เราอ่านเพื่อมาตอบคำถามไม่ใช่อ่านเพื่อความชิลๆ

2.ต้องฝึกตาให้ชินกับหนังสือยากๆ
ที่แนะนำคือ The economist
ไม่ได้หมายความว่าเรื่องในนี้จะออกสอบ อย่าคาดหวัง (เพราะมันไม่ออกหรอก)
แต่ระดับความยากของคำศัพท์ใกล้เคียงกัน
อ่านเจอคำศัพท์ที่ท่องก็ทำให้เราจำได้เร็วขึ้น

3.ทำโจทย์เยอะๆ

4. ถ้าตอบผิด ก็ต้องอ่านเฉลยจนเข้าใจ ห้ามปล่อยเลยผ่าน
อย่างเช่นเลขเป็นส่วนที่เราควรได้เต็ม จริงๆ นะ โดยเฉพาะคนไทย
ไม่ว่าจะเรียนวิทย์หรือศิลป์ก็ควรได้เต็ม
ถ้าไม่เข้าใจก็ต้องหาตัวช่วยทุกวิธี ทั้งเพื่อนที่โรงเรียน ครู พ่อแม่ หรือเว็บบอร์ดที่คุยเรื่อง SAT
เอาโจทย์ไปโพส มีคนช่วยตอบ + คำอธิบายให้ด้วย

5. หาความหมายของศัพท์ แต่ให้หาเมื่อทำแบบฝึกจบแล้ว
หาเสร็จแล้วก็ต้องท่อง อยากจดแยกไว้ในสมุดก็ดี

6. ดวงบางทีก็สำคัญ แต่อย่าหวังพึ่งมาก



เลข - Math

ง่ายแต่อย่าประมาท

ตอนแรกเราอาจรู้สึกนะว่าง่าย แต่ระดับความง่ายจะเรียงไป
คือข้อ 1 ง่ายสุดข้อสุดท้ายยากสุด ฉะนั้นอย่าทำจากหลังมาหน้า

เวลาทำ ให้อ่านคำถามก่อน แล้วค่อยอ่านโจทย์ทั้งหมด งงมั๊ย?
เพราะบางทีมันเป็นโจทย์ปัญหา ให้ข้อมูลไร้สาระมาเยอะมาก เราจะได้ไม่สับสน

แต่ปัญหาของเราก็คงเป็นคำศัพท์
ฉะนั้นนอกจากต้องท่องศัพท์อังกฤษแล้ว ก็ต้องท่องศัพท์เลขด้วยนะ
วิธีการหาศัพท์ก็คือทำแบบฝึกไปนั่นแหละ แล้วก็จดศัพท์ที่ไม่รู้ออกมา




Writing

ถ้าเข้าจุฬาก็ไม่ใช้ ส่วนเมกา บางที่ใช้ บางที่ไม่ใช้
โดยส่วนนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ
1. การเขียน Essay
2. แกรมม่า แก้ประโยค / error

แต่ที่สำคัญก็คือต้องฝึกเขียนทุกวันและจำเวลาด้วย
Essay ต้องเขียนให้เต็มกระดาษ 2 หน้า บรรทัดนึงเขียนสัก 7-9 คำ อย่ามาก-น้อยกว่านี้
จะตกประมาณ 300-400 คำ (มั้ง) ภายในเวลา 20 นาที โหดมากกกกก

ส่วนที่ 2 คือหลักแกรมม่า ต้องท่องให้เป๊ะ
แล้วก็ทำโจทย์มากๆ มันก็วนไปมานั่นแหละ…..

หลักก็ประมาณนี้นะคะ สิ่งที่สำคัญสำหรับ SAT คือทำมากๆ




น้องๆ เชียงใหม่ที่ต้องการคำแนะนำในการเตรียมสอบ SAT ติดต่อพี่ๆ TeamAce! ที่ 053-895699, 081-8212686 ได้เลยนะคะ