วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558

TOEFL เชียงใหม่ : ทุนการศึกษาจาก University of Wisconsin-Eau Claire



University of Wisconsin-Eau Claire มอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาต่างชาติตั้งแต่ปริญญาตรี-เอก มูลค่าระหว่าง $2,000-$6,000 ต่อปี และสามารถต่ออายุทุนสูงสุดถึง 9 เทอม สนใจลองเข้าไปอ่านรายละเอียดกันได้เลยค่ะ
Scholarships for the University of Wisconsin-Eau Claire are available for International Students. They range from $2,000-$6,000 per year, and can be renewed up to 9 semesters. https://goo.gl/mqyI9V


สำหรับน้องๆที่สนใจสอบถามเรื่องทุนการศึกษาเพิ่มเติมจาก TOEFL เชียงใหม่ สามารถติดต่อกับเราได้ที่ 081-8212686 ทุกวันค่ะ

หรือ ติดต่อเราผ่าน 
Facebook: TOEFL เชียงใหม่ 
Line: acecnx
Email: infohere.ace@gmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558

SAT 2016 กับการเปลี่ยนแปลงระบบใหม่



SAT แบบใหม่จะเริ่มใช้เมื่อไร?
          
นักเรียนที่ลงสอบ PSAT เดือนตุลาคม 2015 จะเป็นรุ่นแรกที่จะได้เห็น SAT ในรูปแบบใหม่ และ SAT แบบใหม่จะเริ่มถูกใช้อย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม 2016 โดยเริ่มจากประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศอื่นๆนอกประเทศสหรัฐอเมริกาจะเริ่มใช้ SAT แบบใหม่เดือนพฤษภาคม 2016 (ไม่มีการจัดสอบ SAT รอบเดือนมีนาคมสำหรับศูนย์สอบนอกประเทศสหรัฐอเมริกา) 

มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะยังคงรับคะแนน SAT ทั้งแบบเก่าและแบบใหม่สำหรับนักเรียนที่จะจบการศึกษาปี 2017


การคิดคะแนน SAT แบบใหม่
ระบบใหม่มีการเปลี่ยนแปลง 3 อย่าง คือ
  • มี 4 ตัวเลือกแทน 5 ตัวเลือก
  • ไม่หักคะแนนหากตอบผิด
  • คะแนนรวมสูงสุด คือ 1600 คะแนน ไม่ใช่ 2400 คะแนนอีกต่อไป

ปัจจุบันข้อสอบ SAT แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ Critical Reading , Math และ Writing โดยคะแนนเต็มแต่ละส่วนคือ 800 คะแนน คะแนนรวมสูงสุดคือ 2400 คะแนน แต่สำหรับ SAT แบบใหม่ ส่วนของ Reading และ  Writing (แบบมีตัวเลือกตอบ) จะถูกรวมเป็นส่วนเดียวกัน เรียกว่า “Evidence-Based Reading and Writing” โดยมีคะแนนเต็ม 800 คะแนน ส่วน Math จะยังคงมีคะแนนเต็ม 800 คะแนนเหมือนเดิม การคิดคะแนน SAT แบบใหม่สรุปดังนี้






การเปลี่ยนแปลงในส่วน  Essay

       นักเรียนสามารถเลือกที่จะไม่ทำในส่วนของ Essay ได้จริงหรือ? คำตอบ คือ ไม่แน่นอนเสมอไป
คะแนนในส่วนของ Essay จะไม่ถูกรวมอยู่ในส่วนของ Writing อีกต่อไป คะแนน Essay จะถูกแยกออกมาโดยคะแนนเต็ม คือ 8 คะแนน ถึงแม้ว่านักเรียนจะสามารถเลือกที่จะไม่ทำ Essay ได้ แต่บางมหาวิทยาลัย เช่น University of California ได้ประกาศออกมาแล้วว่าทางมหาวิทยาลัยต้องการคะแนน SAT ในส่วนของ Essay ด้วยหากคุณต้องการสมัครเข้าเรียนที่นี่ มหาวิทยาลัยอื่นๆก็มีแนวโน้มที่ต้องการคะแนน Essay เช่นเดียวกัน SAT แบบใหม่ในส่วนของ Essay จะมีบทความให้นักเรียนอ่านเพื่อทำความเข้าใจ วิเคราะห์ และเขียนตอบคำถามเกี่ยวกับบทความนั้นๆ ซึ่งจะแตกต่างจาก Essay ของเก่าที่ไม่มีบทความให้อ่าน แต่จะมีเพียงคำถามให้เขียนตอบ

มุ่งมั่นเพื่อพัฒนาทักษะและความรู้อย่างแท้จริงในระยะยาว
      SAT แบบใหม่โดยเฉพาะในส่วนของ Reading และ Writing จะเปลี่ยนวิธีการเตรียมตัวสอบ SAT ของคุณ การทดสอบคำศัพท์ยากๆจะไม่มีอีกต่อไปในส่วนของ Reading แต่จะเปลี่ยนเป็นการทดสอบความเข้าใจความหมายของคำศัพท์ที่ถูกใช้ในบริบทแทน หมายความว่า การท่องจำจะไม่มีประโยชน์อีกต่อไป คุณต้องเข้าใจอย่างแท้จริงว่าผู้เขียนต้องการที่จะสื่ออะไรออกมา โดยภาพรวมแล้วเนื้อหาบทความจะเกี่ยวกับเรื่องสำคัญๆของโลก เช่น สุนทรพจน์ Gettysburg Address และ Martin Luther King’s ‘I Have a Dream’ ซึ่งเป็นการทดสอบความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องสำคัญๆที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก เช่น การปกครองระบอบประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล และสิทธิมนุษยชน

       หากคุณวางแผนที่ใช้ระยะเวลาสั้นๆในการเตรียมตัวสอบ หรือหาทางลัดที่จะช่วยคุณในการประสบความสำเร็จใน SAT แบบใหม่แล้วละก็ เราบอกได้เลยว่าคุณคิดผิด ความรู้ความสามารถในการอ่านบทความ การทำความเข้าใจ การวิเคราะห์ และการสื่อสารออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และฝึกฝน อย่างไรก็ดี สิ่งเหล่านี้ถือเป็นข้อดี เพราะความรู้ในการพิชิต SAT รูปแบบใหม่ ก็คือความรู้แบบเดียวกันกับสิ่งที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในโรงเรียนและการใช้ชีวิตจริง ความสำเร็จจะอยู่ตรงหน้า หากคุณทุ่มเทให้กับการพัฒนาสติปัญญาอย่างแท้จริง


น้องๆที่สนใจคลาสเรียน SAT ทาง SAT เชียงใหม่ สามารถจัดคลาสเรียน ทั้งแบบ เดี่ยว และ แบบกลุ่มให้น้องๆได้นะคะ
คลาสเรียนสอนโดยอาจารย์ผู้มีประสบการณ์และนักเรียนที่เรียนด้วยก็สามารถสอบได้คะแนนเต็มด้วยค่ะ
สนใจคอร์สเรียน ติดต่อกับพี่ๆ TeamAce! ได้ที่ 081-8212686 หรือ 053-895699 ได้ทุกวันจันทร์ - อาทิตย์นะคะ


วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เตรียมสอบ SAT ยังไงให้ประสบความสำเร็จ

มาว่ากันถึงความสำคัญของ SAT สักนิด คิดว่าทุกคนก็คงรู้แล้วว่า ไม่ว่าเราจะสมัครอินเตอร์ที่ไทย 
หรือสมัครมหาลัยในเมกา
SAT นี่แหละคือหัวใจสำคัญ
(แถมถ้าใครอยากได้ Scholarship ขอบอกว่า SAT นี่แหละ สำคัญมากกก)

ฉะนั้นมาเริ่มกันดีกว่า ส่วนแรกคือ Critical reading
ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ คำศัพท์(เติมคำ) และ Text

ส่วนของคำศัพท์ สิ่งที่อยากแนะนำคือ ให้ท่องศัพท์
ถ้ามีเวลาก็ท่องพวก 3400-3500 คำ และอีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การทำโจทย์ให้เป็น
เพราะบางทีแปลศัพท์ออกแต่เติมผิดก็มี…..

อีกส่วนคือ Reading คาดว่าเป็นส่วนที่หลายคนกลัวมากๆๆ ไม่ต้องกลัวหรอก มันไม่ยากมาก

1. เราต้องอ่านให้เร็วที่สุด
เพราะส่วนมากเราจะทำไม่ทันกัน
วิธีก็คืออ่านมากๆ ถึงมากที่สุด (อ่านหนังสือภาษาอังกฤษนะ)
วิธีการอ่านเร็วก็คือ เราต้องเตือนตัวเองว่า เราอ่านเพื่อมาตอบคำถามไม่ใช่อ่านเพื่อความชิลๆ

2.ต้องฝึกตาให้ชินกับหนังสือยากๆ
ที่แนะนำคือ The economist
ไม่ได้หมายความว่าเรื่องในนี้จะออกสอบ อย่าคาดหวัง (เพราะมันไม่ออกหรอก)
แต่ระดับความยากของคำศัพท์ใกล้เคียงกัน
อ่านเจอคำศัพท์ที่ท่องก็ทำให้เราจำได้เร็วขึ้น

3.ทำโจทย์เยอะๆ

4. ถ้าตอบผิด ก็ต้องอ่านเฉลยจนเข้าใจ ห้ามปล่อยเลยผ่าน
อย่างเช่นเลขเป็นส่วนที่เราควรได้เต็ม จริงๆ นะ โดยเฉพาะคนไทย
ไม่ว่าจะเรียนวิทย์หรือศิลป์ก็ควรได้เต็ม
ถ้าไม่เข้าใจก็ต้องหาตัวช่วยทุกวิธี ทั้งเพื่อนที่โรงเรียน ครู พ่อแม่ หรือเว็บบอร์ดที่คุยเรื่อง SAT
เอาโจทย์ไปโพส มีคนช่วยตอบ + คำอธิบายให้ด้วย

5. หาความหมายของศัพท์ แต่ให้หาเมื่อทำแบบฝึกจบแล้ว
หาเสร็จแล้วก็ต้องท่อง อยากจดแยกไว้ในสมุดก็ดี

6. ดวงบางทีก็สำคัญ แต่อย่าหวังพึ่งมาก



เลข - Math

ง่ายแต่อย่าประมาท

ตอนแรกเราอาจรู้สึกนะว่าง่าย แต่ระดับความง่ายจะเรียงไป
คือข้อ 1 ง่ายสุดข้อสุดท้ายยากสุด ฉะนั้นอย่าทำจากหลังมาหน้า

เวลาทำ ให้อ่านคำถามก่อน แล้วค่อยอ่านโจทย์ทั้งหมด งงมั๊ย?
เพราะบางทีมันเป็นโจทย์ปัญหา ให้ข้อมูลไร้สาระมาเยอะมาก เราจะได้ไม่สับสน

แต่ปัญหาของเราก็คงเป็นคำศัพท์
ฉะนั้นนอกจากต้องท่องศัพท์อังกฤษแล้ว ก็ต้องท่องศัพท์เลขด้วยนะ
วิธีการหาศัพท์ก็คือทำแบบฝึกไปนั่นแหละ แล้วก็จดศัพท์ที่ไม่รู้ออกมา




Writing

ถ้าเข้าจุฬาก็ไม่ใช้ ส่วนเมกา บางที่ใช้ บางที่ไม่ใช้
โดยส่วนนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ
1. การเขียน Essay
2. แกรมม่า แก้ประโยค / error

แต่ที่สำคัญก็คือต้องฝึกเขียนทุกวันและจำเวลาด้วย
Essay ต้องเขียนให้เต็มกระดาษ 2 หน้า บรรทัดนึงเขียนสัก 7-9 คำ อย่ามาก-น้อยกว่านี้
จะตกประมาณ 300-400 คำ (มั้ง) ภายในเวลา 20 นาที โหดมากกกกก

ส่วนที่ 2 คือหลักแกรมม่า ต้องท่องให้เป๊ะ
แล้วก็ทำโจทย์มากๆ มันก็วนไปมานั่นแหละ…..

หลักก็ประมาณนี้นะคะ สิ่งที่สำคัญสำหรับ SAT คือทำมากๆ




น้องๆ เชียงใหม่ที่ต้องการคำแนะนำในการเตรียมสอบ SAT ติดต่อพี่ๆ TeamAce! ที่ 053-895699, 081-8212686 ได้เลยนะคะ

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

What's the Difference Between IELTS and TOEFL? - How Are They Different? *TOEFL เชียงใหม่*

ความแตกต่างของการสอบ TOEFL และ IELTS ในแต่ละทักษะ เป็นอย่างไรบ้าง มาดูกันค่ะ



สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอบ TOEFL เชียงใหม่ ติดต่อเราได้ที่ 081-8212686 ทุกวันค่ะ

หรือ ติดต่อเราผ่าน 
Facebook: TOEFL เชียงใหม่ 
Line: acecnx
Email: infohere.ace@gmail.com


ลักษณะของข้อสอบ TOEFL ทั้ง 4 ด้าน มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

คนที่อยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ก็ต้องผ่านข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ TOEFL โดยเฉพาะการเรียนในสหรัฐอเมริกา ที่หลายสถาบันต้องการผลคะแนน TOEFL ในการรับนักศึกษาใหม่
ซึ่งข้อสอบก็จะแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ 4 ด้าน วัดระดับภาษาอังกฤษทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน มีลักษณะแตกต่างกันไปดังนี้



1. Listening
สรุปใจความบทสนทนา การบรรยาย เพื่อนำไปตอบคำถาม (ต้องมีการจดโน้ตเพื่อให้จำได้) โดยคำถามจะถามว่าผู้พูดต้องการสื่ออะไรอย่างไร และเป็นข้อสอบแบบมีตัวเลือก

2. Speaking
เป็นการทดสอบการพูด ตั้งแต่เรื่องใกล้ตัวจนถึงเรื่องที่ค่อนข้างวิชาการ ซึ่งการพูดกับอุปกรณ์นั้นอาจจะมีความกดดันมากกว่าการพูดกับคนปกติ จึงต้องเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี

 3. Reading
ข้อสอบฝึกการอ่านบทความ มีตัวเลือกให้เลือกตอบ โดยจะต้องเข้าใจในบทความ และตอบคำถามให้ตรงกับที่โจทย์ถาม โดยจะไล่ตั้งแต่ส่วนต้นไปจนถึงท้ายบทความ

4. Writing
ฝึกการเขียนตามหลักแพทเทิร์นของการเขียนบทความ การฝึกจึงอาจจะใช้โปรแกรม Microsoft Word เพื่อฝึกฝนทักษะการเขียน และการจับคำผิดก่อนได้นั่นเอง

 

นี่ก็เป็นแนวทางคร่าวๆสำหรับการเตรียมตัวสอบ TOEFL ซึ่งหลายคนมักจะมีปัญหากัน ก่อนสอบก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม และทำให้เต็มที่เลยนะคะ 

สำหรับน้องๆที่สนใจสอบถามเรื่อง การสอบ TOEFL หรือศึกษาต่อสหรัฐอเมริกาเพิ่มเติมจาก TOEFL เชียงใหม่ สามารถติดต่อกับเราได้ที่ 081-8212686 ทุกวันค่ะ

หรือ ติดต่อเราผ่าน 
Facebook: TOEFL เชียงใหม่ 
Line: acecnx
Email: infohere.ace@gmail.com

วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สอบ TOEFL สนามจำลอง เชียงใหม่. mini-TOEFL Test เชียงใหม่

สอบ TOEFL สนามจำลอง เชียงใหม่. mini-TOEFL Test เชียงใหม่


รอบสอบ mini-TOEFL ประจำเดือนสิงหาคม มาแล้วค่ะ


• วันเสาร์ที่ 1 ส.ค. เวลา 13.00 - 14.00 น. 

• วันพุธที่ 5 ส.ค. เวลา 13.00 - 14.00 น.

• วันศุกร์ที่ 7 ส.ค. เวลา 17.00 - 18.00 น.

• วันศุกร์ที่ 14 ส.ค. เวลา 17.00 - 18.00 น.

• วันเสาร์ที่ 15 ส.ค. เวลา 13.00 - 14.00 น. 

• วันพุธที่ 19 ส.ค. เวลา 13.00 - 14.00 น. 

• วันศุกร์ที่ 21 ส.ค. เวลา 17.00 - 18.00 น.

• วันเสาร์ที่ 22 ส.ค. เวลา 13.00 - 14.00 น. 




ค่าสอบ ท่านละ 100 บาท

  • สามารถชำระค่าสอบได้ 20 นาทีก่อนขึ้นห้องสอบ
  • จัดสอบตามวันและเวลาที่กำหนด
  • ความยากเท่ากับสอบ TOEFL สนามจริง
  • สามารถแปลงคะแนนได้ ว่าหากไปสอบ TOEFL, IELTS, TOEIC สนามจริง จะได้กี่คะแนน
  • สามารถสอบเพื่อวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษ หรือ สอบเพื่อลงทะเบียนเรียนกับ Ace!
  • สอบเสร็จแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่โทรแจ้งคะแนนภายใน 2 วัน
  • จัดสอบที่อาคาร Ace! @ Nimman soi9 




ลงทะเบียนสอบล่วงหน้าได้ที่
http://www.eventbrite.com/e/mini-toefl-test-by-ace-2015-tickets-14954619670

Update รอบสอบ TOEFL iBT ที่เชียงใหม่. TOEFL เชียงใหม่ TOEIC เชียงใหม่.

รอบสอบ TOEFL Internet-Based ที่เชียงใหม่





สำหรับรอบสอบ TOEFL Internet-Based ที่เชียงใหม่ รอบล่าสุดเท่าที่เช็คได้

(สิงหาคม กันยายน และ ตุลาคม 2558) 
ศูนย์สอบเชียงใหม่ คือ ตึก HB7 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชั้น 4 ห้อง 406  มีดังนี้ค่ะ

*อัพเดทค่าสอบล่าสุด $185 นะคะ*


Sat., Aug 01, 2015

Sat., Aug 22, 2015

Sun., Aug 30, 2015


Sat., Sep 5, 2015

Sat., Sep 12, 2015

Sun., Sep 13, 2015

Sat., Sep 19, 2015


Sun., Oct 11, 2015

Sat., Oct 24, 2015

Sun., Oct 25, 2015

Sat., Oct 31, 2015


(ข้อมูลจากเว็บ ETS ณ วันที่ 20 กรกฎาคม 2558)

วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558

TOEFL เชียงใหม่ : ทุนสำหรับการฝึกงาน ที่ Smith College (รัฐแมสซาชูเซตส์)

TOEFL เชียงใหม่ : ทุนสำหรับการฝึกงาน ที่ Smith College (รัฐแมสซาชูเซตส์)


Smith College (รัฐแมสซาชูเซตส์) ถือเป็นมหาวิทยาลัยผู้หญิงล้วนที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา ที่นี่ยังมอบทุนให้นักศึกษาทุกคนในการฝึกงาน ซึ่งทำให้นักศึกษาได้โอกาสเรียนในห้องไปพร้อมๆกับการเรียนรู้ทักษะการทำงานไปในตัว ลองเข้าไปดูรายละเอียดของมหาวิทยาลัยได้ที่ http://www.smith.edu/

สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าจะสมัครเรียนที่ไหนต่อยังไงดี หรือควรต้องมีคะแนน TOEFL เท่าไหร่ สามารถสอบถามพี่ๆ ได้นะคะ ที่ 081-8212686 หรือ ทาง inbox ก็ได้ค่ะ ^ ^*


วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2558

TOEFL เชียงใหม่: ทุนการศึกษาธนาคารกรุงเทพ เพื่อศึกษาต่อระดับปริญญาโท ประจำปี 2558

ธนาคารกรุงเทพมีความประสงค์จะให้ทุนการศึกษาแก่พนักงานและบุคคลภายนอก เพื่อศึกษาต่อระดับปริญญาโทสถาบันต่างประเทศ และในประเทศ (ภาคภาษาอังกฤษ) ประจำปี 2558

รายละเอียดทุน
1. ทุนปริญญาโทต่างประเทศ รวมจำนวน 13 ทุน ณ สถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร จีน และญี่ปุ่น ตามที่ธนาคารกำหนด ดังนี้
  • ประเทศสหรัฐอเมริกา (เฉพาะหลักสูตร 2 ปี) รวม 5 ทุน:
    • สาขาวิชา MBA จำนวน 4 ทุน
    • สาขา Computer Science, IT, MIS จำนวน 1 ทุน
  • สหราชอาณาจักร รวม 4 ทุน:
    • สาขาวิชา MBA, Finance จำนวน 3 ทุน
    • สาขาวิชา Computer Science, IT, MIS จำนวน 1 ทุน
  • ประเทศจีน และประเทศญี่ปุ่น สาขาวิชา MBA รวมจำนวน 4 ทุน

2. ทุนปริญญาโทในประเทศ (ภาคภาษาอังกฤษ) รวมจำนวน 10 ทุน



คุณสมบัติผู้สมัคร
กรณีผู้สมัครเป็นบุคคลภายนอก1. อายุไม่เกิน 30 ปี (นับถึงวันที่ 10 เมษายน ของปีที่สมัคร)
2. ต้องมีสัญชาติไทย หากเป็นชายต้องผ่านการเกณฑ์ทหาร หรือได้รับยกเว้นการเกณฑ์ทหาร
3. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี
4. ไม่เคยรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาล เว้นแต่เป็นความผิดที่เป็นลหุโทษ หรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาท
5. เป็นผู้ที่มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง
6. ได้รับการตอบรับในสาขาวิชา / สถาบันการศึกษาที่ธนาคารกำหนด
กรณีผู้สมัครเป็นพนักงานธนาคาร7. มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ระบุในหลักเกณฑ์ 1- 6 
8. หัวหน้างานและผู้รับผิดชอบสายงานให้ความเห็นชอบว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมในการสมัครรับทุน และเป็นพนักงานที่มีศักยภาพสามารถเติบโตเป็นระดับหัวหน้างานในอนาคตได้

หลักฐานการสมัคร
กรณีผู้สมัครเป็นบุคคลภายนอก1. ใบสมัครขอรับทุนธนาคาร 
2. รูปถ่ายสี หน้าตรง ไม่สวมหมวก หรือแว่นตาดำ ไม่เกิน 6 เดือน ขนาด 1 นิ้ว จำนวน 2 รูป
3. ประวัติส่วนตัว (Curriculum Vitae) เป็นภาษาอังกฤษ 
4. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 
5. สำเนาผลการศึกษาในระดับปริญญาตรี 
6. สำเนาผลการสอบที่มหาวิทยาลัยกำหนด เช่น
TOEFL, IELTS, GMAT, GRE 
7. ใบตอบรับจากสถาบันการศึกษาที่ธนาคารกำหนด พร้อมทั้งรายละเอียดหลักสูตรและรายวิชา ที่มุ่งเน้น
    ประโยชน์และความสาคัญของเนื้อหาวิชา รวมถึงค่าใช้จ่ายในการศึกษา
8. หนังสือรับรองสำหรับสมัครขอทุนการศึกษาระดับปริญญาโทจากผู้บังคับบัญชา หรืออาจารย์ระดับ
    มหาวิทยาลัย (Recommendation Form) ตามแบบฟอร์มที่ธนาคารกำหนด จำนวน 2 ชุด 

กรณีผู้สมัครเป็นพนักงานธนาคาร 

9. หลักฐานการสมัครต่างๆ ตามข้อ 1 - 7
10. หนังสือรับรองจากหัวหน้างานเพื่อสนับสนุนการขอทุนการศึกษาระดับปริญญาโทจากผู้บังคับบัญชา
     ตามแบบฟอร์มที่ธนาคารกำหนด 

เอกสารทุกฉบับให้เขียนรับรอง 'สำเนาถูกต้อง' และลงชื่อกำกับไว้ด้วย และผู้สมัครจะต้องตรวจสอบและรับรองว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนตรงตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกาหนด เมื่อคณะกรรมการคัดเลือกได้ตรวจสอบคุณสมบัติจากเอกสารและหลักฐานแล้ว ถ้าปรากฏในภายหลังว่า ผู้ใดมีคุณสมบัติไม่ตรงตามประกาศรับสมัครจะถือว่าขาดคุณสมบัติทันที

การรับสมัคร
ผู้สนใจสมัคร สามารถดาวน์โหลดใบสมัครและหลักฐานประกอบการสมัคร ตั้งแต่วันนี้ – 10 เมษายน 2558 ที่ www.bangkokbank.com หัวข้อ เกี่ยวกับธนาคารกรุงเทพ > งานกับธนาคาร > ทุนการศึกษาธนาคารกรุงเทพ โดยสามารถสมัครได้ด้วยตนเองหรือส่งใบสมัครพร้อมหลักฐานการสมัครข้างต้น มาที่

งานพัฒนาและเตรียมผู้บริหาร สายทรัพยากรบุคคล ชั้น 2
บมจ.ธนาคารกรุงเทพ สานักงานพระราม 3
เลขที่ 2222 ถนนพระราม 3
แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. 10120

ทั้งนี้ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. (66) 0-2296-8358

กำหนดการ

 รายละเอียด
 ทุนทุกประเภท
รับสมัคร
วันนี้ – 10 เมษายน 2558
ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบข้อเขียนเดือนเมษายน 2558
สอบข้อเขียนและสัมภาษณ์เบื้องต้น:
  • แบบทดสอบวัดความถนัดทางเชาวน์ปัญญา
  • แบบทดสอบบุคลิกภาพ
  • แบบทดสอบภาษาอังกฤษ
เดือนเมษายน 2558
สอบสัมภาษณ์เดือนพฤษภาคม 2558
ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเดือนมิถุนายน 2558

หมายเหตุ: ธนาคารขอสงวนสิทธิในการแก้ไข เปลี่ยนแปลงกำหนดการตามความเหมาะสม

ต้องการคำแนะนำในการเตรียมตัวสอบ เพื่อให้ได้คะแนน TOEFL , IELTS, GRE, GMAT ติดต่อพี่ๆ TeamAce! ได้เลยนะคะ

วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2558

TOEFL เชียงใหม่ : เคล็ดลับเกี่ยวกับการหาทุนการศึกษา สำหรับเรียนต่อ ป.โท และ ป.เอก ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

เคล็ดลับเกี่ยวกับการหาทุนการศึกษา สำหรับเรียนต่อ ป.โท และ ป.เอก ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

น้องๆทราบไหม๊คะ ว่าหลายๆมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกา มีทุนสำหรับนักศึกษาต่างชาติเพื่อเรียนต่อในระดับบัณฑิตศึกษา (ป.โท หรือ ป.เอก)

แต่การที่จะให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับทุนการศึกษานั้น น้องๆต้องทำการศึกษาจากในเว๊บไซต์ของมหาวิทยาลัยนั้นให้ละเอียดค่ะ โดยการอ่านจาก หน้าที่มีหัวข้อ Financial Aid นะคะ รับรองจะไม่พลาดทุนดีดีแน่นอนค่ะ

Did you know many U.S. institutions offer financial aid for graduate students? To get the most detailed information about available financial support, remember to carefully read the Financial Aid section on the institution’s website.


สำหรับน้องๆที่สนใจสอบถามเรื่องทุนการศึกษาเพิ่มเติมจาก TOEFL เชียงใหม่ สามารถติดต่อกับเราได้ที่ 081-8212686 ทุกวันค่ะ

หรือ ติดต่อเราผ่าน 
Facebook: TOEFL เชียงใหม่ 
Line: acecnx
Email: infohere.ace@gmail.com

วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

TOEFL เชียงใหม่ SAT เชียงใหม่: Test Prep: 9 Tips for SAT Success

สำหรับน้องๆที่เตรียมตัวสอบ TOEFL ไปแล้ว บางคนอาจจะต้องใช้คะแนนสอบ SAT เพื่อยื่นสมัครเรียน ในหลักสูตรนานาชาติ ของมหาวิทยาลัยต่างๆในประเทศไทย หรือ เตรียมตัวยื่นสมัครเรียนในต่างประเทศนั้น

ลองมาดูกันนะคะว่า 9 ข้อแนะนำในการเตรียมตัวสอง SAT มีอะไรกันบ้าง

1. There is an alternative. ลองถามตัวเองก่อนนะคะว่า SAT Test คือเทสต์ที่เราต้องสอบและต้องใช้คะแนน ใช่หรือไม่? เพราะยังมีทางเลือกของข้อสอบอื่นๆให้เราสอบอีก เช่น ACT เป็นต้น
Before you embark on the arduous journey to earning a good SAT score, ask yourself an important question that many students often neglect: Is this even the right test for me? The ACT is an alternative to the SAT and, contrary to popular belief, is accepted at all four-year schools that accept the SAT. The ACT is different from the SAT in both structure and the type of questions that are asked. The best way to determine which is best for you is to take a timed practice version of each test. Yes, it's time consuming, but those hours you sacrifice are a wise investment, experts say. "Ultimately, the best way to know for sure is to take practice tests," says Kristen Campbell, director of college prep programs at Kaplan Test Prep and Admissions. "At the end of the day, until you're actually experiencing what it's like to go through the tests, it's hard to get a feel for which way you should go."
2. Love books? You'll love the SAT. ถ้าน้องๆเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ แน่นอนค่ะ น้องๆจะต้องชอบที่จะอ่านหนังสือเตรียมสอบ SAT แน่นอน เพราะว่าในการสอบก็จะมีการวัดความรู้ในเรื่องของคำศัพท์และการทำประโยคให้สมบูรณ์ เมื่อน้องๆอ่านหนังสือมากๆ ก็จะมีความรู้เรื่องคำศัพท์ที่มากขึ้นไปด้วย
The SAT directly tests vocabulary in its sentence-completion section. In order to excel, experts say students need to be well read and eager to look up words when they come across one they can't define in the years prior to the test. Experts say the test favors verbally inclined students and that the math is easier than that found on the ACT. While the SAT directly tests vocabulary, the ACT does not, so it may not be the right test for you if you've found yourself favoring your iPod over a novel during recent summers spent poolside. Joya Ahmad, a junior at William Penn Charter School near Philadelphia, received a perfect 2400 on the SAT she took this March. She credits her love of books over the years with her success on the verbal side. "I'm a hugely avid reader," she says. "I'll read through parts of the dictionary for fun."
3. Pressure cooker. การสอบ SAT เป็นการสอบภายใต้ความกดดันเรื่องเวลาเป็นอย่างมาก ถ้าน้องๆที่ไม่คุ้นกับการทำงานภายใต้ความกดดัน การสอบ SAT อาจจะไม่เหมาะกับน้องๆก็ได้นะคะ
If taking tests has not been your forte through your academic life, the SAT might not be your best option. Testing experts say the test is best suited for students who don't mind being under the gun repeatedly and thrive under pressure. The test has nine sections, which means students must be prepared to answer questions in short bursts, something that could pose a problem for students who need to take time or skip around broader sections like those found on the ACT. "[Nine] times you have this pressure, of 'Five minutes left … put your pencils down!'" says Ed Carroll, executive director of high school program development at the Princeton Review.
4. Don't get fooled. น้องๆที่คิดว่าข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ ของ SAT นั้นง่าย อย่าเพิ่งตกหลุมพรางนี้นะคะ ไม่งั้นอาจจะโดนคำถามและคำตอบหลอกเอาได้ค่ะ 
While the math on the SAT is a bit easier than it is on the ACT, it's certainly not simple. Rather than relying on complicated concepts or delving into trigonometry, the SAT math section will oftentimes try to trick students who rush and don't read each question carefully, according to Carroll. He notes that the tricks aren't intricate, but they can be easily overlooked by students who aren't paying attention to detail. "The classic example is that [the test] often asks, 'What is X+1?' instead of 'What is X?'" he says. "And of course, the bad answer will be there. Your math and your calculations are perfect. X equals five and you circle five, but the answer is six."

5. When in doubt, leave it blank … sometimes. ถ้าข้อไหนไม่แน่ใจ หรือไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไร แทนที่จะเดาให้ปล่อยข้อนั้นว่างไว้ ไม่ต้องตอบจะดีกว่านะคะ เพราะถ้าตอบผิด ในการสอบ SAT จะต้องโดนหักคะแนนค่ะ
One of the best-known strategies for tackling the SAT is to simply leave an answer blank if you don't know the answer. The test has a "guessing penalty" that punishes students who take a wild swing at a question that is beyond their intellectual reach by deducting points for incorrect answers. While leaving the answer blank on questions you don't know is a wise strategy, in some cases, it's actually better to guess. If you're able to narrow the answer down to two or three choices, guessing is the wiser option, as the odds of you getting the question right outweigh the penalty for a wrong answer. "I tell students, 'If you have no idea, skip it,'" says Carroll. "If you can narrow it down to two or three, you should be aggressive. Statistically, it will benefit you across the whole test."
6. Your mind may be ready, but prepare your body, too. ใจพร้อมแต่กายไม่พร้อม ก็อาจจะทำให้สอบได้คะแนนที่ไม่ดีนะคะ ดังนั้นเราต้องพร้อมทั้งกายและใจค่ะ 
Nervous students oftentimes spend the weeks leading up to the test cooped up in their rooms, studying feverishly. Sometimes it's best to put the books down, get some fresh air, and clear your mind. Ahmad, who got a perfect score, runs cross country and claims that she garnered tremendous benefit by taking some time away from cramming and lacing up her running shoes. "One of the best things is to center the mind, get rid of that nervous energy, and clear everything out so that I had room to absorb all of that information was to run," she says. "Staying active allowed my brain not to get overloaded because I had time to decompress."
Plus, at roughly four to five hours, these tests require physical stamina. It's important to be rested on test day and let your body acclimate to the testing experience by taking timed practice tests. Just like training for a sporting event, your mind and body will be better prepared for the testing situation if you've been through it before. Ahmad took five practice tests in the months leading up to her SAT. "[Five hours] is a long time to be in a highly focused state of mind—likely longer than most students' testing experiences," says Campbell of Kaplan. "So, you want to get a couple of those sessions under your belt before you go into the real thing."
7. Know the classes that matter. On the math section, what you learned in algebra I and geometry comprise nearly everything on the test. It's most important to review those materials. There are some elements from algebra II, but they aren't tested heavily. The multiple-choice questions in the writing section test some of the basic elements of grammar, which regularly go uncovered in high school English classes. "If you've ever had a grammar class, that would help," says Carroll. "A lot of kids don't even know what a preposition is."
8. Don't fret about comma splices on the essay. เขียน essay ให้ได้คะแนน คือ ตอบให้ตรงคำถาม ให้เหตุผลสนับสนุนคำตอบ สะกดคำให้ถูกต้อง และไม่ต้องกังวลกับการใช้เครื่องหมายวรรคตอน (เพราะไม่ได้เอามาคิดคะแนนค่ะ) 
Twenty-five minutes is not nearly enough time to craft an intricate, polished piece of writing, making the essay the most intimidating portion of the test for many students. But don't stress. There's no need to strive for perfection, experts say. Yes, grammar does play a small part in the grading of the essay, but essay readers are primarily looking for you to demonstrate that you can answer the question posed to you using a well-structured, coherent argument. If a few semicolons are misplaced and a few words misspelled, do not despair. "The essay is not as scary as it seems," says Carroll. "The best thing you can do is answer their questions clearly with support. Details like facts, spelling, and punctuation are not emphasized as highly in terms of grading. They certainly matter, but in reality, the essays are largely graded on how accurately you answer the question and the logic and support of your argument."
9. Use every second. ใช้ทุกวินาทีให้คุ้มค่า ถ้าคำถามไหนตอบไม่ได้ให้ข้ามไปก่อน แล้วค่อยกลับมาตอบทีหลัง ไม่ต้องรีบทำรีบลุกนะคะ 
If you get bogged down trying to answer a question that has you stumped, skip it and revisit it using whatever extra time you have after you've worked through the full section. "You will do better on the test overall if you give each question its fair share of time, versus spending all your time on question number seven," says Alexis Avila, founder and president of Prepped & Polished, a Boston area-based college counseling and tutoring firm. "If you get stumped on any question, circle the question and go back to it at the end if time permits."

credit: http://www.usnews.com/education/best-colleges/test-prep/articles/2010/05/21/test-prep-9-tips-for-sat-success?page=2